วันเสาร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2552

professional practice

ก่อนเข้าเรียนคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์...
ตอนนั้นคิดว่าคณะนี้เป็นคณะที่น่าเรียนมาก สำหรับผม เพราะดูเป็นคณะที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว คนที่เรียนในคณะนี้ส่วนใหญ่ก็จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเช่นกัน บุคคลที่เป็นที่ชื่นชอบส่วนใหญ่ก็จะเรียนในคณะสถาปัตย์ เป็นส่วนมาก เพราะพวกเค้าคูเป็น ครีเอทีฟ ที่เก่ง คิดอะไรที่ไม่เหมือนใคร มองในมุมที่ต่างจากคนอื่น ทำให้ดูมีความท้าทายในชีวิตตลอดเวลา (กลุ่มไอดอลในตอนนั้นคือ กลุ่มซูโม่ต่างๆ)ทำให้ผมมีแรงบัลดาลใจในการที่จะเข้าศึกษาในคณะนี้ให้ได้ เพราะผมคิดว่าคณะนี้แหละ คือตัวของผม (ในตอนนั้น)โดยในตอนนั้นผมเองยังไม่รุเลยว่ารายละเอียดของการเรียนนั้นมีอะไรบ้าง เรียนไปแล้วจบไปทำอะไร สร้างบ้าน เขียนแบบ หรืออะไรก็แล้วแต่.. ผมไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเรย ขอเพียงแค่ผมได้มีโอกาสในการเข้ามาสัมผัสชีวิตของการศึกษาในคณะสถาปัตย์ก็พอ แต่เหตุที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เหตุนั้นคือทางบ้านไม่อยากให้เรียนในคณะนี้ เพราะ ดูแล้วจะไม่มีอนาคตซักเท่าไหร่ ทางบ้านอยากให้เรียนทางสายวิศวกรรมแทน เพราะจะได้กลับมาช่วยงานที่บ้านเมื่อเรียนจบ ทำให้ผม ในตอนนั้นซึ่งเป็นเด็กที่ไม่เคยออกนอกกรอบเลย ก็ต้องไปเรียนคณะวิศวกรรมตามที่ทางบ้านต้องการ ผมได้มีเวลาในการเรียนจนครบ 1ปีเต็ม ในคณะนี้ ซึ่งมันทำให้ผมรู้ว่า มันไม่ใช่ตัวผมเลย รูสึกไม่มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เมื่อถึงเวลาในการยื่นคะแนนครั้งใหม่ ผมจึงตัดสินใจโดยไม่บอกทางบ้าน โดยการลาออกจากคณะเดิม และพร้อมที่จะเรียนในคณะที่ผมใฝ่ฝันซักที ผมได้ยื่นคะแนนและก็มีโอกาสได้เรียนในคณะที่ผมต้องการ ก็คือ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ภาควิชาสถาปัตย์กรรม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง จากนั้นผมจึงค่อยบอกทางบ้านว่าได้ลาออกและมีที่เรียนที่ใหม่แล้ว ทำให้ในตอนนั้นเอง ผมไม่ได้คุยกับคุณพ่อเป็นเวลาหลายเดือนเลยทีเดียว ซึ่งผมก้ไม่รุว่าผมตัดสินใจถูกหรือผิดที่ทำเช่นนี้ แต่ทำไงได้ล่ะ.. ตัดสินใจไปแล้ว ดังนั้นมันจึงทำให้ผมมีแรงกดดันอยู่พอสมควรในการที่จะต้องผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ ที่จะต้องเจอะเจอในคณะนี้ ซึ่งผมจะต้องผ่านมันไปให้ได้ และพิสูจน์ให้ทางบ้านได้เห็นว่าคณะนี้มีอะไรมากกว่าที่ท่านคิด ซึ่งตอนนั้นผมยังไม่รู้เลยว่า จะทำได้หรือไม่ สุดท้ายผมก็ดีใจและยินดียิ่งที่จะได้เริ่มต้นใช้ชีวิตในการเป็นนักศึกษาคณะสถาปัตย์ซักที....
ขณะกำลังศึกษาอยู่ในคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ตั้งแต่ปี1-ปี5...
วันแรกที่ได้เข้ามาเรียนในคณะนี้ ทำให้ผมต้องปรับตัวในการใช้ชีวิตหลายๆอย่างมาก ต้องเป็นคนมีระเบียบวินัยมากขึ้น ต้องเป็นคนที่มีความรับผิดชอบ ซึ่งผมคิดว่าในการปรับตัวนี้เป็นสิ่งที่ยากพอสมควร แต่เมื่อพออยู่มาได้ซักพัก ก็เริ่มรู้สึกชิน และกลมกลืนไปเองโดยธรรมชาติ ในเวลาที่เรียนผ่านมาทั้งสี่ปีนั้น มันหล่อหลอมผมให้ผมเป็นสิ่งที่ผมอยากจะเป็น ไม่ว่าวิชาเรียนจะเหนื่อยยากขนาดไหน ลำบากเพียงใด ก็จะพยายามเพื่อผ่านพ้นมาให้ได้ทั้งหมด แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นอีกแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมกลัวนั่นก็คือ การตกวิชาเทคโนโลยีทางอาคาร ตอนปี2 มันทำให้ผมท้อแท้ใจเป็นอย่างมาก ในการเรียนเพื่อจะให้จบในเร็ววัน มันทำให้ผมต้องเรียนถึงหกปี ผมเสียใจอย่างมากที่ตก แต่ผมกลับได้สิ่งที่สำคัญกว่า ในตอนนั้นคือ ทางบ้านเข้าใจผมว่าในการเรียนในคณะนี้ยากมาก ทางบ้านไม่ได้ว่าผมเลยแม้แต่นิดเดียว แต่กลับให้กำลังใจในการให้ผมเดินไปข้างหน้าต่อไป ทำให้ผมรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก และมีกำลังใจมหาศาลในการที่จะเริ่มต้นเดินไปข้างหน้าอย่างแข็งแรง ถึงแม้ผมจะเรียนหกปี แต่ในระยะเวลาที่ผ่านมาทั้งหมดในคณะนี้ ไม่ว่าจะเจอในเรื่องที่ดีหรือร้ายเพียง ใด ผมก็รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกสนุกเมื่อได้ทำงานโปรเจ็คต่างๆ ได้ร่วมทุกร่วมสุขกับเพื่อนๆ ได้รู้จักเรียนรู้คนว่า ใครเป็นคนอย่างไร ซึ่งนั่นเองมันทำให้ผมโตขึ้น คิดอะไรไกลขึ้น ความคิดผมก็เปลี่ยนไปจากเมื่อตอนก่อนได้เรียนว่าคณะคงเรียนเท่ห์ๆไปวันๆ แต่มันทำให้ผมคิดว่าคณะนี้ให้อะไรมากว่าที่ผมคิด ถึงแม้ว่าในสายอาชีพหลังจากเรียนจบไปแล้วนั้นโอกาสเติบโตนั้นน้อยมาก เพราะเป็นอาชีพที่ขายการให้บริการ ซึ่งในแวดวงอาชีพนี้ก็มีการแข่งขันกันสูงเลยทีเดียว(หลังจากที่ได้ไปฝึกงานมา)ผมคิดว่ามันยากมากสำหรับผมในสายอาชีพนี้ จบไปคงหางานทำได้ยาก แต่มันทำให้ผมไม่สนใจเลยว่าเมื่อผมเรียนจบผมจะต้องไปทำงานในสายอาชีพใด เพราะผมคิดว่า ถ้าเราสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยการใช้ชีวิตอย่างเป็นระบบ ทั้งวิธีการคิด การรู้จักเรียนรู้คน การปรับตัวให้เข้ากับคนอื่น เมื่อเราจบไปแล้ว เราก็จะสามารถหาช่องทางที่ทำให้เราอยู่รอดได้ด้วยตัวเองอย่างแน่นอน ผมเชื่ออย่างนั้น... เพราะคณะนี้หล่อหลอมให้ผมคิดเป็น ผมไม่รู้ว่าคนอื่นคิดเช่นไร แต่ผมคิดว่าผมเลือกไม่ผิดที่ได้มีโอกาสเข้ามาเรียนและใช้ชีวิตในคณะนี้ครับ
หลังจากที่เรียนจบไปในอนาคต....
อันแรกต้องภาวนาให้ผมเรียนจบก่อนในเร็ววัน เมื่อเรียนจบแล้ว ก็ขอภาวนาอีกเช่นกันว่าให้เศรษฐกิจดีขึ้น เพื่อให้การมีโอกาสได้ทำงานในสายอาชีพนี้มีมากขึ้น ผมมีความคิดว่า ไหนๆเมื่อเราได้มีโอกาสเรียนจบในสายอาชีพนี้แล้ว เราก็น่าจะนำความรู้ที่มีมาใช้ในการประกอบวิชานี้อย่างจริงจัง ซัก2-4 ปีเพื่อเรียนรู้ว่าจริงๆแล้วสถาปนิกทำงานอย่างไร และเป็นการพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งว่าในสายอาชีพนี้ใช่ตัวเราหรือไม่ คือถ้ามันไม่ใช่ผมก็มีความคิดของผมเล็กๆคือ ผมอยากเป็นเจ้าของกิจการในการขายอะไรซักอย่าง ที่เกี่ยวกับอาชีพของทางบ้านที่ทำมาตั้งแต่ต้น เพื่อเป็นการไปดำเนินกิจการต่อ และอยากทำงานไกล้ๆบ้านเพื่อที่จะได้คอยอยู่ดูแลพ่อแม่เมื่อยามท่านมีอายุมากขึ้น เพราะท่านทำให้ผมเป็นตัวของตัวเองได้ถึงทุกวันนี้ ไม่มีท่านจะมีผมถึงวันนี้ได้อย่างไร และสุดท้ายที่อยากจะบอกไว้ก็คือ เราจะทำอาชีพอะไรก็ได้ แต่ขอให้เรามีความสุขที่เรามีความสุขก็พอ เป็นความสุขที่ต้องไม่เกิดจากความทุกข์ของผู้อื่น
ไม่จำเป็นต้องรวยจนล้นฟ้า เพียงแค่เราพอมีพอกิน ไม่เบียดเบียนใคร ผมว่าสำหรับชีวิตของผม ผมว่าก็โอเคที่สุดแล้วครับ

GRATE ARCHITECTURE !!







TADAO ANDO HE IS MY IDOL......














Koshino house



***render by SmallwondeR



ขอบคุณมากครับ......
ด้วยความเคารพอย่างสูง
ศุภักษร สุภวัฒน์เจริญกุล